ทฤษฎีมาร์กซิสต์
๑.ทฤษฎีวัตถุนิยมประวัติศาสตร์ (Historical Materialism)
ฐานคิดที่สำคัญสุดของหลักการนี้คือ ปัญหาวัตถุที่เกี่ยวกับการผลิตปัจจัยพื้นฐานที่มีความจำเป็นใน การดำรงชีวิตของมนุษย์ ๔ ประการ (อาหาร เครื่องดื่ม ที่อยู่ ยา) ปัญหาเหล่านี้ถูกนำไปสู่กิจกรรมทางสังคมแลวิธีการแก้ปัญหาก็แตกต่างกันไปตามยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ ซึ่งสังคมสมัยใหม่มีการจัดระเบียบสังคมในรูปของการแบ่งงานกัน เป็นระบบและตอบสนองความต้องการของมนุษย์มากขึ้น ไม่เพียงแต่ความจำเป็นพื้นฐานของมนุษย์เท่านั้น แต่ยังมีสินค้าและบริการอื่นๆ ที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ในระบบเศรษฐกิจที่มีความก้าวหน้าด้านอุตสาหกรรม และเทคโนโลยี
๒.พัฒนาการของสังคม
สังคมมีการเปลี่ยนแปลงไปจากอดีต ซึ่ง Marx มองเห็นขบวนการที่ก้าวหน้าจากสังคมเผ่าในยุคสมัยแรกๆ ผ่านสังคมโบราณไปสู่สังคมฟิวดัลในยุคกลาง จนมาถึงรูปแบบของสังคมทุนนิยมสมัยใหม่ในที่สุด (Marx เรียกรูปแบบนี้ว่า “กระฎุมพี” เนื่องจากบทบาทที่ครอบงำของชนชั้นกระดุมพีหรือชนชั้นกลางที่เป็นเจ้าของโรงงานอุตสาหกรรม)
สำหรับมาร์ก ชั้นตอนสุดท้ายของพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ของสังคมมนุษย์ คือการโค่นล้มระบบทุนนิยมด้วยการลุกฮือขึ้นมาปฏิวัติของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน และการสถาปนาสังคมคอมมิวนิสต์ มาร์กเป็นผู้เสนอวามก้าวหน้าทางประวัติศาสตร์และชี้ให้เห็นว่าสังคมต้องพัฒนาการตามกระบวนการดังกล่าวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
๓. สังคมในฐานะเป็นผลผลิตทางประวัติศาสตร์ (Societies as Historical)
ในแง่นี้เราจำเป็นต้องทำความเข้าใจรูปแบบของสังคมเป็นผลผลิตของกระบวนการทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมของมนุษย์ โดยเฉพาะปริมณฑลทางเศรษฐกิจ บริบทของสังคมและความสัมพันธ์ทางสังคมทุนนิยมที่เกิดขึ้นตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ถูกมองว่าความไม่เท่าเทียมกันทางชนชั้นและความสัมพันธ์ทางอำนาจเป็นผลผลิตที่ลักษณะเฉพาะทางประวัติศาสตร์ที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ จากการกระทำของมนุษย์ไม่ใช่เปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติ
Marx เน้นว่าการจัดระเบียบทางสังคมก็เป็นผลผลิตของมนุษย์ด้วย เราจะต้องตระหนักอยู่เสมอว่าประวัติศาสตร์ในที่นี้คือ ประวัติศาสตร์ของการต่อสู้ระหว่างกลุ่มต่างๆ โดยเฉพาะชนชั้นทางสังคม เพื่อสถาปนาการครอบงำในปริมณฑลทางการผลิต (เศรษฐกิจ) และการเมือง
๔. ความสำคัญของพื้นฐานทางเศรษฐกิจ (Economic Base)
ความคิดพื้นฐานของมาร์ก คิดว่าสถาบันทางเศรษฐกิจมีความสำคัญเป็นอันดับแรกในสังคม คนที่เป็นเจ้าของโรงงานอุตสาหกรรมที่ผลิตสินค้าและบริการ (ชนชั้นกลาง) เป็นผู้มีอำนาจ พวกเขาได้รับผลประโยชน์จากการขูดรีดชนชั้นกรรมกรที่ทำงานอยู่ในสถานประกอบการของพวกเขา
ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่อยู่ในลักษณะของการขูดรีดนี้เป็นรากฐานสำคัญของทุนนิยม สถาบันทางการเมือง กฎหมายและศาสนา มาร์กต้องการชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ (โครงสร้างส่วนล่าง) สถาบันต่างๆ ที่เกิดจากพื้นฐานทางเศรษฐกิจ (โครงสร้างส่วนบน)
๕. การแบ่งแยกชนชั้น (Class Diaision)
ความไม่เท่าเทียมกันด้านทรัพยากรอำนาจและความขัดแย้งกันด้านผลประโยชน์ อาจจะก่อให้เกิดการลุกฮือขึ้นปฏิวัติของชนชั้นกรรมกร
๖. ความแปลกแยก (Alienation) ภายใต้ระบบทุนนิยม
เป็นภาวะที่คนรู้สึกว่าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของตนถูกลดทอนลง
๗. การวิเคราะห์อุดมการณ์
Marx มองว่าค่านิยมและปทัสถานของสังคมนั้นเป็นอุดมการณ์ที่ทำหน้าที่รองรับความถูกต้องของอำนาจของชนชั้นปกครองเท่านั้น
ขอทราบชื่อ-นามสกุลเป้นภาษาไทยได้ไหมค่ะ จะนำไปอ้างอิงในวิจัยค่ะ
ตอบลบ